5 ความเข้าใจผิดยอดฮิตของนักเทรดมือใหม่ (และวิธีหลีกเลี่ยง)
5 ความเข้าใจผิดยอดฮิตของนักเทรดมือใหม่ (และวิธีหลีกเลี่ยง)
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นเทรด หรือเคยเทรดมาแล้วพักหนึ่ง ความเข้าใจผิดเหล่านี้อาจเป็น “กับดักความคิด” ที่ทำให้พอร์ตเสียหายเร็วเกินไปโดยไม่รู้ตัว ต่อไปนี้คือ 5 ความเชื่อผิดที่มักเกิดขึ้นกับมือใหม่ พร้อมแนวทางการคิดใหม่ที่ถูกต้อง

❌ ความเข้าใจผิดที่ 1: “เทรดคือทางลัดสู่ความรวย”
หลายคนเข้าตลาดเพราะเห็นใครบางคนโชว์กำไรวันละหมื่นแสน คิดว่าแค่เปิดมือถือกด Buy/Sell ก็หาเงินได้ง่าย ๆ
ความจริง: การเทรดคือ “ทักษะ” ไม่ใช่ “โชค” และยิ่งไม่ใช่ “เส้นทางลัด” ที่ใครก็ใช้ได้โดยไม่ฝึกฝน คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักมีประสบการณ์นับปี ผ่านการขาดทุนมาก่อน และรู้จักการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
แนวทางที่ถูกต้อง:
- มองการเทรดเหมือน “ธุรกิจ” ที่ต้องใช้เวลาในการเติบโต
- ยอมรับว่าช่วงแรกอาจไม่มีกำไร หรืออาจติดลบ และนั่นเป็นเรื่องปกติ
- วางแผนการเงินให้สามารถอยู่ในตลาดระยะยาว ไม่หมดแรงใจหรืองบประมาณก่อนจะเข้าใจตลาดจริง
ตัวอย่าง: ถ้าคุณมีเงินทุน 10,000 บาท อย่าคาดหวังว่าภายใน 1 เดือนจะกลายเป็น 100,000 บาท การคิดแบบนี้จะทำให้คุณเสี่ยงเกินตัวจนพอร์ตพังเร็ว
❌ ความเข้าใจผิดที่ 2: “อินดิเคเตอร์คือคำตอบทุกอย่าง”
มือใหม่มักโหลดอินดิเคเตอร์หลายสิบตัวมาใส่ในกราฟ หวังว่ามันจะบอกจุดซื้อจุดขายอัตโนมัติ
ความจริง: อินดิเคเตอร์คือเครื่องมือ ที่แปลความเคลื่อนไหวของราคา ไม่ใช่เครื่องมือล่วงรู้อนาคต ทุกอินดิเคเตอร์มี “จุดอ่อน” เช่น Lagging (ตามหลังราคา) หรือมีสัญญาณหลอกในตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม
แนวทางที่ถูกต้อง:
- ศึกษาให้เข้าใจว่าแต่ละอินดิเคเตอร์ “วัดอะไร” และเหมาะกับตลาดแบบใด
- ใช้ไม่เกิน 2–3 ตัวที่คุณ “เข้าใจลึก” จริง ๆ
- ควรผสมผสานกับการวิเคราะห์รูปแบบราคา (Price Action), แนวรับ-แนวต้าน, หรือโครงสร้างตลาด
ตัวอย่าง: ใช้ RSI เพื่อดู overbought/oversold ร่วมกับโซนแนวรับ/แนวต้าน และแท่งเทียนกลับตัว เช่น hammer หรือ engulfing

❌ ความเข้าใจผิดที่ 3: “ยิ่งเทรดบ่อย ยิ่งได้กำไร”
คิดว่าการเปิดออเดอร์บ่อย ๆ จะเพิ่มโอกาสทำกำไร เพราะ “ยิ่งเล่นยิ่งลุ้น”
ความจริง: การเทรดมากเกินไป โดยไม่มีการวิเคราะห์ที่ดี จะทำให้คุณหมดพอร์ตเร็วขึ้น ยิ่งคุณเข้าออเดอร์ถี่ในตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม หรือช่วงข่าวแรง ความผิดพลาดก็ยิ่งสะสม
แนวทางที่ถูกต้อง:
- เลือกเทรดเฉพาะ “จังหวะที่ระบบของคุณบอกว่าได้เปรียบจริง”
- บริหารพลังงานในการวิเคราะห์มากกว่าการ “กดออเดอร์”
- คุณภาพของการเทรดสำคัญกว่าปริมาณ
ตัวอย่าง: หากคุณมีระบบเทรดที่ทำกำไรได้เฉลี่ย 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จงรอแค่ 5 ครั้งนั้น ไม่ต้องพยายามยัดออเดอร์ให้เต็ม 20 ครั้งต่อวัน
❌ ความเข้าใจผิดที่ 4: “ล้างพอร์ตเพราะโดนหลอก โบรกเกอร์โกง หรือกราฟผี”
เวลาเสีย คนจำนวนมากมักโทษตลาด โบรกเกอร์ หรือข่าวที่ “ไม่ยุติธรรม”
ความจริง: ตลาดไม่เคยโกงใคร — แต่เราอาจไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่ในเกมที่เราไม่เข้าใจ เช่น เข้าออเดอร์ช่วงข่าวแรงโดยไม่รู้, ไม่ตั้ง SL, หรือใช้ Lot ใหญ่เกินตัว
แนวทางที่ถูกต้อง:
- ยอมรับความผิดพลาด และใช้เป็นข้อมูลพัฒนาระบบ
- บันทึกการเทรดทุกครั้ง พร้อมเหตุผลในการเข้าออก
- วิเคราะห์ย้อนหลังเพื่อหาจุดบกพร่องอย่างตรงไปตรงมา
ตัวอย่าง: หากคุณล้างพอร์ตเพราะลืมตั้ง SL — ไม่ใช่ตลาดผิด แต่คือคุณละเลยการบริหารความเสี่ยง

❌ ความเข้าใจผิดที่ 5: “มีระบบดี = เทรดได้ทุกตลาด”
คิดว่าเจอระบบเทพแล้วจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ตลอดไป
ความจริง: ระบบเทรดแต่ละระบบเหมาะกับภาวะตลาดบางแบบเท่านั้น เช่น ระบบ Breakout จะล้มเหลวทันทีหากตลาด Sideway หรือระบบ Reversal จะโดนลากถ้ายังอยู่ในเทรนด์
แนวทางที่ถูกต้อง:
- แยกแยะ “ภาวะตลาด” ก่อนใช้กลยุทธ์
- ฝึกวิเคราะห์ว่าเป็นเทรนด์หรือ Sideway
- หากระบบใช้ไม่ได้กับตลาดตอนนี้ ให้ “หยุดเทรด” หรือ “เปลี่ยนระบบ” ไม่ใช่ฝืน
ตัวอย่าง: หาก EMA cross บอกเทรนด์ แต่คุณอยู่ในตลาด Sideway คุณจะโดนตีกลับบ่อย — อย่าโทษระบบ แต่โทษที่คุณใช้มันผิดที่ผิดเวลา
✅ สรุป:
มือใหม่ไม่ได้แพ้เพราะไม่มีสูตรลับ — แต่แพ้เพราะ “เข้าใจผิด” ตั้งแต่ต้น ถ้าคุณปรับมุมมองและ mindset ได้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้ คุณจะประหยัดเวลาและเงินมหาศาลในการเรียนรู้เรื่องเทรด