สรุปข่าวสำคัญประจำวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2565
1.**ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)ชี้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังต่ำเกินกว่าจะคุมเงินเฟ้อ!
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ โดยระบุว่า RBA เล็งเห็นความจำเป็นในการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินมากขึ้น แม้ว่าเพิ่งประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำเกินกว่าที่จะสามารถควบคุมตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อได้ ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งในขณะนี้
รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการ RBA ได้หารือกันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (neutral rate) และมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.35% ในปัจจุบันนั้น ยังถือว่าต่ำกว่าระดับที่เป็นกลาง
“อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมากสำหรับเศรษฐกิจออสเตรเลียที่มีตลาดแรงงานตึงตัวและเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง กรรมการ RBA มองว่าการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงมาก และช่วงเวลาของภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงนั้น จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว” รายงานการประชุมระบุ
ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ก.ค. คณะกรรมการ RBA มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.35% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในช่วงเวลาหลายเดือน
ที่ผ่านมานั้น นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA เสนอว่า อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางควรจะอยู่ที่ 2.5% อย่างไรก็ดี รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการ RBA มองว่า อัตราเงินดอกเบี้ยที่เป็นกลางควรจะปรับตัวสูงขึ้นกว่านั้น หากภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในขณะนี้เริ่มกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนคาดการณ์เงินเฟ้อของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
2.*จับตา! ไบเดน จ่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศระดับชาติ!
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวในวันนี้ (19 ก.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐกำลังพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศระดับชาติโดยเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังวุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครต 2 คนเรียกร้องให้ปธน.ไบเดนประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศและใช้กฎหมายว่าด้วยการผลิตเพื่อการป้องกัน (Defense Production Act) เพื่อยกระดับการผลิตผลิตภัณฑ์และระบบพลังงานหมุนเวียนในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงแผงพลังงานแสงอาทิตย์
นายเชลดอน ไวต์เฮาส์ และนายเจฟฟ์ เมิร์กลีย์ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตกล่าวภายหลังความพยายามในการผลักดันร่างกฎหมายสภาพอากาศประสบความล้มเหลวในวุฒิสภา โดยทั้งคู่เรียกร้องให้ปธน.ไบเดนใช้สถานะของทำเนียบขาวในการดึงดูดความสนใจเกี่ยวกับวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศในสหรัฐ
“ถึงเวลาแล้วที่คณะบริหารของปธน.ไบเดนจะให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์ด้านสภาพอากาศในเชิงรุก”
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนเปิดเผยว่าจะดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หลังนายโจ แมนชิน วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตถอนการสนับสนุนร่างกฎหมายสภาพอากาศที่พรรคเดโมแครตคาดหวังว่าจะผ่านการอนุมัติ ก่อนที่บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจะเดินทางออกจากกรุงวอชิงตันเพื่อพักสมัยประชุมสภาในเดือนส.ค. โดยการสนับสนุนของนายแมนชินนั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เพราะร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
3.*โกลด์แมนแซคส์เตือนเงินเฟ้อฝังรากลึก กระทบภาคธุรกิจ-ผู้บริโภค
นายเดวิด โซโลมอน ซีอีโอของบริษัทโกลด์แมน แซคส์เตือนว่า ปัญหาเงินเฟ้อกำลังฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจโลก และไม่มีความชัดเจนว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงภายในปีนี้หรือไม่
“เราคาดว่าขณะนี้เงินเฟ้อได้กัดเซาะระบบเศรษฐกิจโลกแล้ว และสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงเวลานี้ก็คือ ทั้งอุปสงค์และอุปทานต่างก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกซึ่งได้แก่โรคระบาด และสงครามในยูเครน” นายโซโลมอนกล่าวกับนักวิเคราะห์ หลังจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันจันทร์ (18 ก.ค.)
“หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับบรรดาซีอีโอของบริษัทรายใหญ่ระดับโลก พวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานนั้นจะยังคงยืดเยื้อต่อไป ขณะที่ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์มองว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่า เงินเฟ้ออาจจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่คำตอบในเรื่องนี้ก็ยังไม่แน่นอน และเราจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
นายโซโลมอนยังกล่าวด้วยว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะทำให้ตลาดสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งเดิมก็ผันผวนอยู่แล้ว จะยิ่งผันผวนมากขึ้นอีกในอนาคต โดยเขาแสดงความกังวลว่า มาตรการควบคุมเงินเฟ้อของธนาคารกลางจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของทั้งภาคธุรกิจและส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
นายโซโลมอนแสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากธุรกิจการทำข้อตกลงควบรวมกิจการที่ซบเซา
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 7.73 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 5.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 15.02 ดอลลาร์/หุ้น แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.58 ดอลลาร์/หุ้น
ส่วนรายได้อยู่ 1.186 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่า 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.086 หมื่นล้านดอลลาร์
ข้อมูลอ้างอิงจาก – infoquest / TNN World / Reuters / The Washington Post
#MarketNews #ZFX #ZFXThailand